Wednesday, February 8, 2012

ใช้ Software เถื่อน โทษหนัก "ทั้งจำ ทั้งปรับ”


ใช้ Software เถื่อน โทษหนัก "ทั้งจำ ทั้งปรับ



ตำรวจเผยสถิติการดำเนินคดีจับองค์กรธุรกิจที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซี ปี 2554 พบเพิ่มขึ้นจาก ปี 2553  กว่า 14%  มีองค์กรธุรกิจสัญชาติอเมริกันสองแห่งที่ถูกตรวจค้น พบว่ามีมูลค่าการละเมิดลิขสิทธิซอฟต์แวร์ถึง 1.61 ล้านบาท!!!

นอกจากนี้ทางตำรวจได้แนะนำองค์กรภาคธุรกิจ ช่วยกันรณรงค์ให้ใช้ซอฟต์แวร์แท้ ถูกต้องตามกฎหมาย  เพราะไม่เพียงแต่จะปกป้ององค์กรธุรกิจจากการถูกดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แล้ว แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัย  สร้างโอกาสในการจ้างงาน  สร้างโอกาสทางธุรกิจ  ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมไอทีและนวัตกรรมให้เติบโตขึ้น  เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศอีกด้วย


ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์
·        มีความผิดในข้อหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นคดีอาญา โดยความผิดนี้เป็นความผิดส่วนบุคคล ซึ่งพนักงานจะต้องรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท
โทษของการละเมิด พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.
2537 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
·        ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่มักถูกแอบแฝงด้วย Virus, Trojan ฯลฯ ซึ่งจะทำอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และขโมยข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น Password, รูปภาพส่วนตัว เป็นต้น
·        หากใช้ระบบปฏิบัติการที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถ Update ตัวระบบให้มีความปลอดภัยต่อภัยคุกคามปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่อง  เช่น MS Windows ไม่สามารถ update ได้
ทำให้การใช้ระบบปฏิบัติการที่ละเมิดลิขสิทธิ์มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทำอันตราย หรือข้อมูลสำคัญรั่วไหลได้อย่างง่ายดาย
·        ทำให้บริษัทเสียภาพลักษณ์และเสียชื่อเสียงได้


ข้อเสนอแนะ
·         ทำการสำรวจซอฟต์แวร์ในเครื่องของตัวเอง หากพบว่าเป็นซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ให้ Uninstall ออกทันที
·         หากจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการทำงาน ให้ทำเรื่องเหตุผลและความจำเป็นแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อทำเรื่องจัดซื้อต่อไปให้ถูกต้องตามลิขสิทธิ์
·         เลือกใช้ซอฟต์แวร์ทางเลือกอื่นๆ เช่น Open Source, Freeware ซึ่งสามารถใช้งานได้ฟรี เป็นต้น

แหล่งข่าว : http://www.it24hrs.com/2012/ecd-stats-2554/

ระวังตกเป็นเหยื่อของแก็งค์คอลเซนเตอร์ – รวบรวมเทคนิคที่คนร้ายใช้หลอกลวง และ โทษการรับจ้างเปิดบัญชี


เรื่อง : ระวังตกเป็นเหยื่อของแก็งค์คอลเซนเตอร์ รวบรวมเทคนิคที่คนร้ายใช้หลอกลวง และ โทษการรับจ้างเปิดบัญชี

ในปัจจุบันคนร้ายโทรศัพท์แล้วมีเหยื่อหลงเชื่อเพียง ร้อยละ 5 เท่านั้น จากเดิมที่หลงเชื่อถึง ร้อยละ 80 คนร้ายจึงพยายามหลอกให้ได้เงินครั้งละมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
คนร้ายที่ถูกจับกุมได้ส่วนมากเป็นคนจีนที่นำบัตรเอทีเอ็มผู้อื่นไปเบิก เงินตามธนาคาร คนไทยที่รับจ้างเปิดบัญชีและถูกนำบัญชีมาใช้เป็นบัญชีปลายทางรับโอนเงินจากเหยื่อ
เช่น กรณี
 ครูถูกหลอก 50 ล้านบาท บัญชีที่ถูกอายัดกว่า 15 บัญชีเป็นคนไทย แต่กลุ่มที่หลอกยังไม่ถูกจับกุม เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ  และ จะหาคนไทยมาเปิดบัญชี และ กระทำผิดอีกต่อไป

อ่านรายละเอียด รวบรวมเทคนิคที่คนร้ายใช้หลอกลวง ได้ที่
http://www.it24hrs.com/2012/warning-about-gang-callcenter/

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปที่รับทราบข่าวสาร บอกต่อโดยเฉพาะคนแก่ที่ตกเป็นเหยื่อ ว่าอย่าไปเชื่อ
·         การติดตามทวงถามหนี้บัตรเครดิต
·         การขู่ว่าบัญชีผิดปกติทางโทรศัพท์ หรือ ทางคอมพิวเตอร์
เนื่องจากปัจจุบันธนาคารต่าง ๆ ไม่ใช้วิธีดังกล่าวแล้ว 
ข้อแนะนำ :
·         หากพบว่ามีการโทรศัพท์ ก็อยากบอกชื่อตนเอง หรือ ข้อมูลธนาคารของตนเอง
·         ให้ย้อนถามไปว่า เราชื่ออะไร หรือ ถ้าบอกชื่อให้บอกชื่อมั่วๆไป
·         ทางที่ดีให้กดโทรศัพท์ทิ้งไป  แล้วโทรกลับไปยังเบอร์ที่โชว์ว่าโทรมาจากไหน ซึ่งจะพบว่าไม่สามารถติดต่อกลับได้แล้ว (เพราะมันกลัวตำรวจตามตัวได้)
 ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก : www.it24hrs.com

Sunday, September 11, 2011

รู้นะ...ว่า (ใช้ Software) เถื่อน!!!


รู้นะ...ว่า (ใช้ Software) เถื่อน!!!



บทความโดย 

คุณสุรชัย ฉัตรเฉลิมพันธุ์
Information Security Officer
PTT ICT Solutions
Security Certificate:
CSSLP,SSCP, IRCA:ISO27001,CEH, ECSA, LPT
                                            Award: Asia-Pacific ISLA2011
                                                     
Cyber security awareness สถาบันพระปกเกล้า